"วันกาแฟโลก" 1 ตุลาคม
...ประโยชน์ของกาแฟ
“กาแฟ” เป็นเครื่องดื่มอันดับ 2 ที่คนดื่มมากที่สุดในโลก ดื่มเพื่อความรื่นรมย์ เพื่อสังสรรค์ เพื่อเจรจาธุรกิจ ดื่มแล้วอารมณ์ดี “วันที่ 1 ตุลาคม” เป็น “วันกาแฟโลก” จึงควรฉลองกันด้วย กาแฟสักแก้ว...
อย่างไรก็ดี วันกาแฟ มีหลายวัน แต่ละประเทศไม่เหมือนกัน มีตั้งแต่ต้นปีจนถึงปลายปี เช่น วันที่ 28 - 29 กันยายน และ 1 ตุลาคม เป็น วันกาแฟ ของหลายประเทศ ตั้งแต่อเมริกา อังกฤษ อินเดีย สวีเดน ไต้หวัน สิงคโปร์ เยอรมนี ไอร์แลนด์ เม็กซิโก ฯลฯ ก่อตั้งขึ้นเพื่อโปรโมทกาแฟ ให้คนเข้าร้านดื่มกาแฟมากขึ้น จัดรายการซื้อ 1 แถม 1 หรือลดราคาอุปกรณ์กาแฟ เมล็ดกาแฟ ฯลฯ ก็เพื่อให้คนมาจิบกาแฟ แสวงหาบรรยากาศรื่นรมย์
อย่างที่รู้กันว่า กาแฟ มีที่มาจากคนเลี้ยงแพะชาวเอธิโอเปีย ชื่อ คาลดี้ (Kaldi, Khalid) เห็นแพะของตัวเองดูกระปรี้กระเปร่าผิดไปจากเดิม เมื่อตามไปดูก็พบว่าเจ้าแพะไปกินผลกาแฟที่เพิ่งสุกเป็นสีแดง เรียกว่า “เชอร์รี่” เขาจึงลองชิมดู ปรากฏว่าอาการง่วงซึมหายไปทันที คาลดี้ กลับไปเล่าเรื่อง “แพะเต้นระบำ” หรือ Dancing Goats ให้คนในหมู่บ้านฟัง จึงเป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางของกาแฟ จากศตวรรษที่ 6 ในหมู่บ้านคาฟฟา (Kaffa) ที่คาลดี้อยู่สู่นักบวช ไปถึงพ่อค้าชาวอาหรับ จนถึงศตวรรษที่ 13 เมล็ดกาแฟที่แต่เดิมพ่อค้าชาวอาหรับนำไปบดผสมกับเนยกี (Ghee) ปั้นเป็นก้อนไว้เคี้ยวกินระหว่างเดินทาง ก็มีผู้ทดลองนำเมล็ดกาแฟไปต้มชงเป็นเครื่องดื่มและได้รับความนิยมในเวลาต่อมา
กว่ากาแฟจะมาอยู่ในแก้วเราก็ผ่านเวลามาหลายร้อยปี ทุกวันนี้ผู้คนนิยมดื่มกาแฟเป็น “อาหารเช้า” บ้างจิบระหว่างวัน ดื่มระหว่างประชุมงาน ดื่มเมื่อจบมื้ออาหาร ดื่มเมื่อเครียด ดื่มเมื่อหายเครียด และอีกหลายเหตุผลที่ทำให้กาแฟเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมอันดับ 2 รองจากชา (ไม่นับน้ำเปล่า) และดูเหมือนทุกคนก็ยอมรับ คาเฟอีนในกาแฟ เว็บไซต์ Pobpad.com ให้ข้อมูลว่า ผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพดีสามารถดื่มกาแฟได้โดยไม่ก่อให้เกิดอันตรายใด ๆ การดื่มกาแฟก็เช่นเดียวกับอาหารหรือสมุนไพรอื่น ๆ ที่อาจมีผลข้างเคียงหรือเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้เมื่อรับประทานเกินพอดี โดยเฉพาะเมื่อใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์บางประการ หรือดื่มร่วมกับยาบางชนิด ผู้ใช้จึงควรปรึกษาแพทย์เพื่อความปลอดภัย
(ภาพ : EskiPaper.com)
ดื่มกาแฟได้แค่ไหน : กาแฟวันละ 6 แก้ว ถือว่าเกินพอดี อาจทำให้นอนไม่หลับ กระวนกระวาย อาหารไม่ย่อย คลื่นไส้อาเจียน หัวใจเต้นเร็ว และผลข้างเคียงอื่น ๆ
กาแฟวันละ 5 แก้ว อาจเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยโรคหัวใจ และผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจสูงและดื่มกาแฟทุกวันแต่ไม่เกินวันละ 1 แก้ว มีโอกาสเสี่ยงต่อภาวะกล้ามเนื้อหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันสูงขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ผู้ป่วยโรควิตกกังวลอาจมีอาการที่แย่ลงได้จากการดื่มกาแฟ ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการมีเลือดออกผิดปกติ การดื่มกาแฟอาจยิ่งทำให้อาการแย่ลงได้ ยังมีข้อควรระวังอื่น ๆ หากมีโรคประจำตัวอยู่แล้ว เมื่อจะดื่มกาแฟควรปรึกษาแพทย์
การดื่มกาแฟที่ปลอดภัย : กาแฟยามเช้าช่วยปลุกสมองให้ตื่นตัว ปัจจุบันมีการศึกษาวิจัยพบว่าใช้กาแฟในปริมาณต่าง ๆ ป้องกันโรคหลายอย่าง เช่น ป้องกันโรคพาร์กินสัน โรคนิ่วในถุงน้ำดี โรคเบาหวานชนิดที่ 2 เก๊าท์ อัลไซเมอร์ หืด มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งปอด และมะเร็งเต้านม เป็นต้น โดยระบุถึงงานวิจัยจากผลของการดื่มกาแฟ เช่น
รักษาอาการปวดศีรษะ ดื่มกาแฟวันละ 250 มิลลิกรัม
เพิ่มความรู้สึกตื่นตัว ดื่มกาแฟวันละ 250 มิลลิกรัม หรือประมาณ 2 แก้ว
ป้องกันโรคพาร์กินสัน ดื่มกาแฟที่มีคาเฟอีนวันละ 3 - 4 แก้ว โดยแต่ละงานวิจัยใช้กาแฟที่มีคาเฟอีนประมาณ 421 - 2,716 มิลลิกรัม แต่ถ้าดื่ม 124 - 208 มิลลิกรัม หรือประมาณ 1 - 2 แก้ว ก็อาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคพาร์กินสันได้อย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน ทั้งนี้สำหรับผู้หญิงควรดื่มวันละ 1 - 3 แก้วจะให้ผลดีที่สุด
ป้องกันโรคนิ่วในถุงน้ำดี ได้รับคาเฟอีนในปริมาณวันละ 400 มิลลิกรัมขึ้นไป หรือเทียบเท่ากับกาแฟมากกว่า 2 แก้ว อย่างไรก็ตาม การดื่มกาแฟอย่างน้อยวันละ 800 มิลลิกรัมนั้นน่าจะมีประสิทธิภาพดีที่สุด
ขอบคุณข้อมูลจาก